เป็นหนี้แค่ไหนไม่หนักเกินตัว by 789betting

789bet

 ในยุคสมัยปัจจุบันเป็นยุคที่ซื้อง่ายจ่ายคล่อง คุณสามารถอยู่บ้านแต่ก็สามารถใช้เงินได้อย่างมหาศาล วันนี้เรา 789betting เว็บไซต์ด้านการเงินที่ทั้งสนุกและมีสาระจะว่ากันด้วยเรื่อง เป็นหนี้แค่ไหนไม่หนักเกินตัว คุณสามารถใช้จ่ายได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งมีวิจัยหนึ่ง กล่าวว่า ภายในหนึ่งวันมนุษย์เราเห็นโฆษณากี่ครั้งต่อวัน คำตอบคือวันละเฉลี่ย วันละห้าพันครั้งต่อวัน ซึ่งคุณสามารถเห็นโฆษณาได้ตลอดทั้งวันตั้งแต่ตอนคุณตื่น ไม่ว่าคุณจะเปิดโทรศัพท์โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์หรือขับรถขึ้นทางด่วน จนกระทั่งที่ทำงาน ซึ่งพอคุณเจอโฆษณาวันนึงเป็นพันๆครั้ง คุณยังเกิดจิตวิทยาในการอยากซื้อ แต่การที่คุณอยากซื้อนั้นไม่ผิด แต่จะผิดก็ต่อเมื่อคุณอยากซื้อแต่คุณจ่ายไม่ไหว น่าจะเป็น จุดเริ่มต้นของการก่อหนี้

สารบัญ

 

GenY แชมป์การก่อหนี้ by 789betting

มีการวิจัย ค้นพบว่าวัยที่มีหนี้มากที่สุดนั่นก็คือ GenY เพราะพฤติกรรมของเจนวายซึ่งไม่ใช่ทุกคน ชอบใช้ชีวิตสนุกสนานเต็มที่กับชีวิต ไม่มีเงินเก็บไม่เป็นไรค่อยคิดล่วงหน้าในอนาคตทีหลัง ชีวิตต้องใช้ของมันจำเป็นที่จะต้องมีซึ่งเมื่อมีพฤติกรรมเช่นนี้จึงส่งผลให้ เมื่อใจไม่ไหว จึงทำให้ คนในวัยนี้ผิดนัดชำระหนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของวังวนหนี้สิน ซึ่งในทุกวันนี้เราไม่เรียกว่าอายุน้อยร้อยล้านแต่เราเรียกว่า อายุน้อยร้อยหนี้ และจากสถิติที่ทำวิจัยไว้ค้นพบว่า จำนวนสูงมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของ Gen Y ไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เยอะมาก ซึ่งนอกจากนั้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเจนวาย ผ่อนชำระหนี้สินไม่ตรงเวลา และสูงถึงสี่สิบห้าจุดหกเปอร์เซ็นต์ของเจนวาย นี้ที่ตนเองมีอยู่ผ่อนชำระไม่ไหว ซึ่งจากสถิติจะพบว่าเจนวาย  เป็นแชมป์สำหรับการก่อหนี้แทบทั้งสิ้น

 และจากข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า หนี้บัตรเครดิต เบบี้บูมเมอร์เป็นหนี้เพียงสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ เจนเอ็กซ์สามสิบสามเปอร์เซ็นต์ และเจนวาย เป็นหนี้ห้าสิบหกเปอร์เซ็นต์ สินเชื่อบ้าน เบบี้บูมเมอร์เป็นหนี้สิบสองเปอร์เซ็นต์ เจนเอ็กซ์สามสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ และเจนวายสูงถึงสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ สินเชื่อรถยนต์ เบบี้บูมเมอร์เป็นหนี้สิบสี่เปอร์เซ็นต์ เจนเอ็กซ์สี่สิบเปอร์เซ็นต์ และเจนวายสี่สิบหกเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเจนวายของแชมป์ทุกสถาบันการเป็นหนี้ 789bettingเว็บไซต์ทำเงิน

หนี้ดีหนี้เสีย

และเมื่อพูดถึงนี้จริงๆแล้ว ต้องยอมรับกันว่านี้นั้นมีทั้งหนี้ดีและหนี้เสีย ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ความรู้ ซึ่งหนี้ดีเป็นอย่างไรซึ่งนี้ดี คืนนี้ที่คุณกู้มาเพื่อทำธุรกิจและต่อยอด และได้เงินมากกว่าที่กู้มา ซึ่งมีจัดเป็นหนี้สินประเภทดี คือการนำไปซื้อบ้านซื้อคอนโดปล่อยเช่าหรืออสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถสร้างรายได้ และหนี้สินเสียคือ อะไรก็ตามที่ไม่เข้าข่ายหนี้ดีเช่นการกู้ เงินมาซื้อมือถือ ซึ่งหลักการกู้หนี้มาผู้บริโภค ซึ่งในปัจจุบันมีหนี้สิน ในระดับศัลยกรรม ซึ่งสามารถผ่อนได้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้คน เป็นหนี้สินกันมากขึ้น ดังนั้นคุณควรจะรู้สัดส่วนหนี้ที่คุณควรจะมี เท่าไรถึงจะพอดี

เป็นหนี้เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าพอดี

ข้อมูลจากธนาคารสงเคราะห์ ได้กล่าวว่า เริ่มจากบัตรเครดิต ถ้าในวันนี้คุณมีหนี้บัตรเครดิตและคุณจำเป็นที่จะต้องผ่อนชำระ เป็นรายเดือน หนี้บัตรเครดิตนั้นเมื่อเทียบกับรายได้แล้ว ไม่ควรเกินสิบถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ หนี้สินบ้าน เมื่อเทียบกับรายได้แล้วไม่ควรเกินสามสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ เมื่อผ่อนชำระเป็นรายเดือน แต่ถ้าคุณไม่มีหนี้สินอื่น คุณยังสามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้สูงถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ รายเดือน หนี้รถยนต์ ไม่ควรเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ซึ่งอย่างหนึ่งที่คุณจะเป็นที่ตนจะต้องรู้ในการผ่อนชำระ ในการซื้อรถไม่ได้มีเพียงแค่ค่า ผ่อนรถเพียงอย่างเดียวแต่คุณยังมีค่าซ่อมบำรุงอื่นในการใช้รถด้วย และถ้าคุณมีทั้งหนี้ที่ต้องผ่อนชำระบ้าน รถและบัตรเครดิต ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ควรเกิน สี่สิบห้าถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่ผ่อนชำระเป็นรายเดือน เพราะถ้า อัตราส่วนมากกว่านี้คุณจะมีแนวโน้มที่จะผ่อนไม่ไหว

สรุปเป็นหนี้แค่ไหนไม่หนักเกินตัว

จากสถิติพบว่า วัยที่มีหนี้สูงที่สุดนั่นก็คือ Gen Y ซึ่งเป็นช่วงวัย ที่การใช้จ่ายอยู่เพียงปลายนิ้ว คุณเห็นโฆษณารอบตัวอยู่รายล้อมตัวคุณจึงทำให้คุณตัดสินใจซื้อและใช้จ่ายง่ายโดยขาดการยั้งคิด และไตร่ตรองที่ดีพ แล้วชักการวิจัยยังชี้ให้เห็นชัดอีกว่า คนในวัยนี้วินีสูงและไม่สามารถผ่อนชำระได้ ซึ่งหลักเกณฑ์ มีสิ่งที่คุณควรจะมีที่เรียกว่าพอดีนั้น ทั้งนี้ศิลป์บ้านหนี้สิน รถยนต์และหนี้สินบัตรเครดิตของคุณ ไม่ควรเกินสี่สิบถึงสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ตื่นมาสุดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ เพราะถ้ามากไปกว่านี้ คุณแม่แนวโน้มที่จะไม่สามารถ ผ่อนชำระหนี้ได้ ต้องตามเวลา และนั่นจะเป็นสาเหตุให้คุณค่าสภาพคล่องทางด้านการเงิน และยิ่งเป็นหนี้มากขึ้นไปอีก เพราะการขาดการวางแผนที่ดีพอ

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุน